top of page

ไวรัสคอมพิวเตอร์

     ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus  เป็นการเรียกชื่อเลียนแบบไวรัสที่เป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งหมายถึงโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในกรสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ สามารถแทรกเข้าไประบาดในเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาสื่อบันทึกข้อมูลที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรือติดต่อผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่วนมากไวรัสคอมพิวเตอร์มักจะประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แทบทั้งสิ้นไวรัสคอมพิวเตอร์    เป็นโปรแกรม

ประเภทมัลแวร์ (Malware) หรือโปรแกรมประสงค์ร้าย  โดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์ ซึ่งในปัจจุบัน

การกระจายตัวของไวรัสจะอาศัยบริการเครือข่ายบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น www. e-Mail และระบบเข้มข้อมูลที่ใช้ร่วมกัน มีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้

การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์


     มีเทคนิคและการป้องกันหลายวิธี เช่น
    1. การสำรองข้อมูลเป็นวิธีการที่ดีเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดไวรัสของข้อมูลแล้วทำให้   ข้อมูลเหล่านั้นเสียหาย ถึงแม้ข้อมูลถูกไวรัสทำลายเสียหายแต่ยังมีข้อมูลสำรองที่  สามารถทดแทนได้อยู่ หรือใช้วิธีสร้างแผ่นบูต Emergency Disk หรือ Rescue Disk เพื่อใช้ในการกู้ข้อมูลและกำจัดไวรัสออกจากเครื่องจนทำให้บูตเครื่องได้ตามปกติ
   2. การใช้งานซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมต่าง ๆ ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาหรือลิขสิทธิ์เพื่อความแน่ใจ
ก่อนนำไปใช้เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกโดยผ่านทางซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน
   3. ตรวจสอบฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสำรวจสิ่งผิดปกติต่าง ๆ เช่น การทำงาน
ที่ช้าลง ขนาดไฟล์ที่เปลี่ยนแปลงไป หน้าจอแสดงผลผิดปกติหรือไดรฟ์มีเสียงผิดปกติ
   4. ไม่ควรใช้สื่อบันทึกข้อมูลกับเครื่องหลาย ๆ เครื่อง หรือใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่รู้จัก หรือ
รื่องที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะการแชร์ไฟล์ ควรจะแชไฟล์เป็นประเภทอ่านอย่างเดียว และ
รหัสผ่านด้วย
   5. ใช้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสโดยเลือกใช้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสที่เหมาะสมกับความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือตามที่องค์กรกำหนด โดยจะต้องปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัส(Update ) ทุกวันหรืออย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาออกมาใหม่ทุกวันดังนั้นจึงควรที่จะต้องทำให้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสรู้จักไวรัสชนิดใหม่ ๆ ด้วย และต้องกำหนดให้โปรแกรมทำการป้องกันแบบอัตโนมัติด้วย ส่วนการใช้งานควรจะใช้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสตรวจหาไวรัสทุกสัปดาห์ โดยการสแกนหาทั้งระบบ ซึ่งอาจจะกำหนดให้เป็นทุกเย็นของวันศุกร์ก่อนกลับ
บ้าน หรือในช่วงเวลาพักเที่ยงของทุกวันก็ได้

    6.ติดตามข่าวสารเนื่องจากมีไวรัสออกมาใหม่เป้นจำนวนมาก ดั้งนั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและหาทางป้องกันจึงนับเป็นหนทางที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไปหรือผู้ดูแลระบบ

การกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์

     การกำจัดไวรัสออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่่อให้คอมพิวเตอร์สามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกตินันจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเครื่องติดไวรัสจริง ด้วยการใช้โปรแกรมตรวจหาและทำลายไวรัส และคัดลอกหรือสำรองข้อมูลหรือโปรแกรมที่ติดไวรัสเสียก่อนที่จะกำจัดไวรัส เพื่อการรักษาข้อมูลให้สามารถใช้งานได้ ซึ่งโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสในปัจจุบันมีโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสแบบใช้ฟรีส่วนใหญ่มีความสามารถในการกำจัดไวรัสไม่เทียบเท่าแบบมีค่าใช้จ่าย เช่น อาจใช้วิธีการกักเก็บไวรัสไม่ให้แพร่กระจายหรื
การสำรองข้อมูล เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยป้องกันความเสีป้องกันและกำจัดไวรัสออกไป โปรแกรมหรือข้อมูลนั้นอาจจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือทำงานไม่ได้
วิธีการตรวจขั้นต้นให้ลองเปรียบเทียบขนาดของโปรแกรมหลังจากที่ถูกกำจัดไวรัสไปแล้วกับขนาดเดิม ถ้ามี
น้อยกว่าแสดงว่าโปรแกรมนั้นไม่สมบูรณ์ ให้นำโปรแกรมที่ติดไวรัสที่สำรองไว้ไปหาโปรสตัวอื่นมาใช้แทน และถ้าการใช้โปรแกรมตรวจหาไม่พบไวรัสในโปรแกรมใด ๆให้โปรแกรมนั้นขึ้นมาทดสอบการทำงานอย่างละเอียดว่าปกติหรือไม่
รมป้องกันและกำจัดไวรัส (Anti-Virus Software) เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการหน่วยความจำเพื่อตรวจหาไวรัส โดยโปรแกรมจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบหากตรัสและบางโปรแกรมจะทำลายไวสให้ทันที ดังตัวอย่างโปรแกรมตรวจและกำจัดไว
soft Security Essentials โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสฟรีจากค่าย Microso
องกันและกำจัดไวรัสยอดนิยมเพราะเป็นฟรีแวร์ที่แจกฟรีไม่มีข้อผูกมัด มีคุณสม
มารถปกป้องคอมพิวเตอร์จากไวรัส สปายแวร์ มัลแวร์ และอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายด้
วามปลอดภัยและการทำงานที่มีประสิทธิภ

 

bottom of page